วันที่ 28 พฤษภาคม 2557 คลินิกฟ้าใส กลุ่มงานสุขศึกษา โรงพยาบาลสุรินทร์ จัดกิจกรรมเนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนทราบและตระหนักถึงโทษและพิษภัยของยาสูบ การสร้างและพัฒนาเครือข่ายแกนนำให้มีความรู้และความเข้มแข็งมากขึ้น ซึ่งจะเป็นพลังในการร่วมกันสร้างสังคมให้ปลอดบุหรี่ได้ต่อไป ผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ประกอบด้วย บุคลากรโรงพยาบาลสุรินทร์ และตัวแทน อสม. จากทุกชุมชนในเขตเมืองสุรินทร์
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการประกวด"บุรุษ-ธิดาต้านภัยบุหรี่ ปี2557" โดยมีบุคลากรของโรงพยาบาลบาลสุรินทร์ให้ความสนใจเข้าร่วมประกวดทั้งประเภทชายและประเภทหญิงทั้งสิ้น 19 คน อีกทั้งยังได้รับความร่วมมือจากทางเครือข่ายสื่ออาสาจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งนำโดยอาจารย์ศักดา เชื้ออินทร์ ที่มาร่วมกันรณณงค์ในกิจกรรมการต้านภัยบุหรี่ เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลกในครั้งนี้อีกด้วย
นพ.สมชัย อัศวรัศมี ประธานคณะทำงานคลินิกฟ้าใส โรงพยาบาลสุรินทร์ กล่าวว่า การบริโภคยาสูบเป็นสาเหตุการตายอันดับต้นๆ ที่สามารถป้องกันได้ การบริโภคยาสูบของประชากรโลกทำให้ผู้คนล้มตายประมาณ 6 ล้านคนในแต่ละปี และมากกว่า 600,000 คน ตายเพราะการได้รับควันบุหรี่มือสอง หากเราละเลยในเรื่องนี้ ในอนาคตไม่ถึง 20 ปีข้างหน้า ค.ศ. 2030 คาดการณ์จะมีคนตายจากการสูบบุหรี่ถึง 8 ล้านคนต่อปี ในจำนวนนี้ ร้อยละ 80 จะเป็นประชากรที่อยู่ในประเทศที่มีรายได้ต่ำถึงรายได้ปานกลาง
นางอัสนี นาคาวงค์ หัวหน้ากลุ่มงานสุขศึกษา ในฐานะประธานผู้จัดงานในครั้งนี้กล่าวว่ สืบเนื่องจากองค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้ 31 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก โดยในปี พ.ศ. 2557 นี้ ได้กำหนดประเด็นการรณรงค์ไว้ว่า Raise Taxes on Tobacco ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ใช้ภาษาไทยว่า “บุหรี่ : ภาษียิ่งเพิ่ม คนตายยิ่งลด” โดยการรณรงค์ในปีนี้องค์การอนามัยโลก เน้นเชิญชวนให้นานาประเทศทั่วโลก เรียกร้องให้รัฐบาลของตนเองขึ้นภาษียาสูบให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นมาตรการที่มีปร ะสิทธิภาพในการควบคุมการบริโภคยาสูบในกลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำ อีกทั้งยังเป็นการป้องกันเด็กและเยาวชนที่คิดจะเริ่มต้นหรือเข้าถึงการสูบบุหรี่อีกด้วย
ดร.นพ.ธงชัย ตรีวิบูลย์วณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์ กล่าวว่า ข้อมูลจากการวิจัยทั้งหมด พบว่า
การขึ้นภาษีที่ทำให้ราคาขายปลีกยาสูบสูงขึ้นเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการควบคุมยาสูบ โดยทำให้คนสูบบุหรี่น้อยลง ทำให้ผู้สูบบุหรี่ที่มีรายได้น้อยเลิกสูบและทำให้เด็กๆ เข้ามาติดบุหรี่น้อยลง เมื่อคนสูบบุหรี่ลดลง คนที่จะตายจากบุหรี่ก็ลดลงด้วย ในขณะเดียวกันการขึ้นภาษี ทำให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น การขึ้นภาษียาสูบจึงส่งผลดีทั้งต่อสุขภาพคือ คนสูบบุหรี่น้อยลง และต่อเศรษฐกิจคือ ได้รับภาษีเพิ่มขึ้นและลดค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคจากการที่คนสูบบุหรี่น้อยลง จึงเป็นที่เรียกกันว่า นโยบาย
“WIN WIN” ที่ธนาคารโลกแนะนำให้ประเทศต่างๆ
ขึ้นภาษียาสูบตั้งแต่ พ.ศ.2535
ความสูญเสียทางสุขภาพและทางเศรษฐกิจจากการใช้ยาสูบทำให้นานาประเทศทั่วโลก ร่วมกันร่างอนุสัญญาควบคุมยาสูบ ซึ่งเป็นอนุสัญญา (สนธิสัญญา) ฉบับเดียวที่โลกมีที่เกี่ยวกับสุขภาพ กำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อลดการใช้ยาสูบ
และการคุ้มครองจากการได้รับควันบุหรี่มือสอง
มาตรการที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงและคุ้มค่า
(Best Buy) ได้แก่
1.
การขึ้นภาษียาสูบ
2.
การห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ
3.
การห้ามโฆษณา/ส่งเสริมการขาย/การให้ทุนอุปถัมภ์ การทำ CSR
4.
การเตือนพิษภัยโดยภาพคำเตือนบนซองบุหรี่และการรณรงค์ผ่านสื่อวิทยุ ทีวี
ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะช่วยกันรณรงค์เพื่อการไม่บริโภคยาสูบ เพื่อลดสถิติหรือจำนวนผู้สูบทั้งรายเก่าและรายใหม่ลง ซึ่งจะส่งผลให้การป่วยด้วยโรคที่มียาสูบเป็นสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยงลดลงตามไปด้วย
การจัดงานวันนี้เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายแกนนำต่างๆ ในชุมชนเขตเมือง
เพื่อนำไปสู่การทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น